หากกล่าวว่าแนวเพลง “อัลเทอร์เนทีฟ” ในยุคนั้นคือ แนวทางเลือกที่สามารถผสมแนวดนตรีหลายๆ แนว ที่มีเนื้อหาตรง ๆ ชัด ๆ จนกลายมาเป็นอัลเทอร์เนทีฟแบบไทย ๆ ที่มักมีเพลงช้าบาดใจ และเพลงเร็วโดดได้ คงหนีไม่พ้น วงพราว ที่เป็นที่ยอมรับของเหล่านักวิจารณ์และกระแสปากต่อปากจากคลื่นวิทยุที่สามารถครองใจกระแสผู้ฟังในยุคนั้นได้อย่างดีช่วงหนึ่ง
การเดินทางของ วงพราว ที่กล่าวข้างต้น ที่มักมาจากกระแสปากต่อปากจากเหล่าดีเจ ซึ่งไม่ง่ายนัก ที่จะมีวงใดฝ่ากระแสค่ายยักษ์ใหญ่ในช่วงนั้นได้ อาจเป็นเพราะเอกลักษณ์วง ที่ยังคงไว้ซึ่งเมโลดี้ที่สวยงามและร้องตามได้ทั่วกัน โดยมีบทเพลงที่ฮ็อตฮิตและเป็นกระแสได้แก่
1. เธอคือความฝัน…หากเพลงช้าในยุคนั้น ที่สามารถฟังวนไปวนมาได้อย่างไม่เลี่ยน เพลงนี้คงจะติดหนึ่งในนั้นได้ไม่ยาก เพราะการเรียงเรียงที่มีการบิ้วความหนักเบาอย่างมีศิลปะ ทำให้อารมณ์บทเพลงกับเนื้อหานั้น ส่งจุดพีคไปสู่ท่อนฮุกจนติดหูได้ไม่ยาก
วงพราว ที่เป็นที่ยอมรับของเหล่านักวิจารณ์และกระแสปากต่อปาก

2. วันไร้สมอง…ซาวนด์ล่องลอยที่อาจเป็นต้นแบบของวงดนตรีของไทยในยุคหลัง ๆ ที่มีเนื้อหาชัดเจน ตรง ๆ เหมือนการพูดระบายอะไรบางอย่าง แต่ซ่อนด้วยการวางจังหวะและการส่งอารมณ์ ที่ที่คล้องชื่อเพลงโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย
3. ละคร…เพลงที่มีจุดเด่นของการริฟกีตาร์ให้พูดได้ คือ สามาถเล่าเรื่องให้เจ็บปวดหรือคล้อยตามได้เสมือนเนื้อเพลงนั่นเอง โดยเพลงนี้อาจไม่ฮิตติดหูมากนัก แต่สำหรับสายนักดนตรีหรือเหล่านักวิจารณ์แล้ว ถือเป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะ อีกบทหนึ่งแห่งวงการอัลเทอร์เนทีฟ

4. เพราะ (ฉัน) มีเพียงเธอ…เพลงโจ๊ะ สำหรับวัยรุ่นที่สามารถโดดได้ และยังติดหูอีกด้วย ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะเขียนเพลงยุค90ในเมโลดี้ที่ฟังแล้วลื่นหู และสนุกสนานไปในตัวได้อย่างไม่มีที่ติวงพราว จัดเป็นวงตำนานแห่งยุค อัลเทอร์เนทีฟ ที่น่าเสียดายอีกวงหนึ่ง ที่ไม่ได้สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องจากอัลบั้มแรก ซึ่งสมาชิกในวงต่างแยกย้ายทำตามความฝันกันไปเสียก่อน อย่างไรก็ตามวงพราว ยังทิ้งศิลปะแห่งท่วงทำนอง ที่สามารถนำมาเปิดฟังในยุคปัจจุบัน ได้อย่างลื่นหูเสมอ